Subject ในที่นี้หมายถึงประธานในประโยคค่ะ ประธานก็คือคนหรือสิ่งที่ทำกริยา อาการนั้นๆ ในช่วงเวลาต่างๆ (คนไทยเรามีปัญหาอยู่บ้างเวลาแปลไทยเป็นอังกฤษเพราะเราชอบพูดโดยละประธาน เวลาแปลก็ต้องมานั่งตีความว่าใครจะเป็นประธานดี จริงป่ะ)
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่าเค้ามีกันทั้งหมด 7 ตัว (I, you, we, they, he, she, และ it) ทั้งหมดเรียกรวมกันอีกอย่างว่าคำสรรพนาม (Pronoun) คิดว่าทุกคนคงรู้แล้วว่าสรรพนามคืออะไรก็จะข้ามไปพูดถึงตัวประธานเลยละกัน
จะว่าไปคนคิดภาษาอังกฤษเค้าก็ช่างคิด ช่างแบ่งก็เลยแยกประธานออกเป็นประธานที่เป็นเอกพจน์ กับประธานที่เป็นพหูพจน์ แล้วเค้ายังแบ่งเป็นบุรุษที่หนึ่ง บุรุษที่สอง แล้วก็บุรุษที่สามอีกแน่ะ ทำไมต้องแบ่ง ไม่ต้องสงสัย ก็เหมือนเวลาที่เราคุยกันก็มี ชั้น กะ เธอ พอเริ่มนินทาชาวบ้านก็มีเค้า พวกเค้าเข้ามาเกี่ยวข้องไง ความจริงก็เหมือนกันทุกภาษานั่นเองแต่ภาษาไทยเป็นภาษาที่เราใช้กันทุกวันเราก็เลยไม่รู้ตัวว่าเราแอบเมาธ์ใครอยู่รึเปล่า ว่ากันต่อเลย
ประธานเอกพจน์ (Singular subject) = I, you, he, she, it
บุรุษที่หนึ่ง (First person) = I--ฉัน, ข้าพเจ้า, กรู, ตู, ข่อย, ข้าเจ้า, ฯลฯ ใช้แทนตัวผู้พูด แทนตัวเอง ส่วนใครจะแทนตัวว่าอะไรก็ตามใจไม่ว่ากัน แต่ภาษาอังกฤษไม่ว่าจะยากดีมีจนเป็นคนธรรมดาหรือพระราชาก็จะแทนตัวเองว่า I เท่านั้น
บุรุษที่สอง (Second person) = You--เธอ, ท่าน, มรึง, ที่รัก, ฯลฯ ก็แทนคนที่เราคุยด้วยเช่น เรายืนคุยกับเพื่อนอยู่ก็แทนตัวเราว่า I แทนตัวคนที่เราคุยดัวยว่า you ใครพูดก็สลับกันไปใช่ป่ะ
บุรุษที่สาม (Third person) = He, She, It--เขา, เธอ, หล่อน, มัน, และอื่นๆ กล่าวเมื่อเราเริ่มพาดพิงถึงบุคคลที่สาม หรือคนที่ไม่ได้อยู่ ณ สถานที่ที่เราคุยกัน จะให้ถูก ต้องบอกว่าคนที่เราพูดถึงหรือแอบเมาธ์เค้านั่นล่ะ เข้าข่ายนี้เลย (อ๊ะๆ อย่าบอกนะว่าไม่เคย)
He เป็นผู้ชายคนหนึ่ง อาจจะเป็นชื่อคนก็ได้ จะเป็นจอร์จศักดิ์, จอห์นศักดิ์, หรือจ่อยศักดิ์ ก็ได้เพ แต่มีข้อแม้ว่าคนเดียวนะอย่าเหมารวม She ก็เปลี่ยนจาก จอร์จศักดิ์ เป็น จอร์จศรี, จอห์นศรี, หรือจ่อยศรี นั่นแหละ แต่ต้องเป็นหญิงเท่านั้นนะ จะหญิงตั้งแต่เกิดหรือตั้งแต่อยากก็ได้ ส่วน It (ซึ่งไม่น่าจะถูกเมาธ์ แต่ก็ไม่วายถูกพาดพิง) ก็คือสิ่งต่างๆ จะมีชีวิตหรือไม่ก็ได้ เช่น โต๊ะ, เก้าอี้, นาฬิกา, หมา, แมว, หรือจะเป็นชื่อสัตว์เลี้ยงเช่น ไอ้ด่าง, ไอ้ลาย หรือไอ้คุณอะไรก็ได้จ้า
พอจะเห็นภาพกันแล้ว เราก็มาต่อที่ประธานพหูพจน์กันเล้ย
ประธานพหูพจน์ (Plural subject) = we, you, they ก็คือคนที่พูดหรือทำกริยานั้นๆ ตั้งแต่สองคนขึ้นไปค่ะ
บุรุษที่หนึ่งก็คือเมื่อ I เริ่มมีพวก I (ฉัน) + I (เธอ) มายืนฝั่งเดียวกันก็ = We แต่ต้องมีฉันติดร่างแหด้วยเสมอนะ เพราะฉัน (และพวก) เป็นคนทำสิ่งนั้นๆ ร่วมกัน
บุรุษที่สองก็เมื่อ You มีมากกว่าหนึ่งคน จะเห็นว่า you ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเป็น you ไหนก็ให้ดูที่บริบทค่ะว่าเค้าพูดในสถานการณ์ไหน เช่น ถ้าคุณครูพูดกับนักเรียนทั้งห้องซึ่งจะแทนนักเรียนว่า you ก็จะเป็นพหูพจน์ แต่ถ้าครูเรียกนายหล่อ แต่ส้วน มาหน้าชั้นเรียน you ก็จะเป็นเอกพจน์เพราะมีนายหล่อแค่คนเดียว
สุดท้ายบุรุษที่สาม เมื่อเราพาดพิงเหมารวมก็จะใช้ว่า They ค่ะเช่น จอร์จ+จอห์น+จ่อย/ จอร์จศรี+จอห์น/หรือพูดถึงผู้ชายพวกนั้น ผู้หญิงกลุ่มโน้นโต๊ะเก้าอี้กองนั้น จอร์จศรีกับไอ้ด่างก็ได้
เวลาใช้ก็ใช้ประธานนำแล้วตามด้วยคำกริยาซึ่งมีหลักการเติมท้ายกริยาตามประธาน แต่เวลาพูดก็ไม่ต้องเกร็งนะ เน้นว่าสื่อให้เค้ารู้ก็พอว่าเราอยากได้อะไร ไม่ใช่ขอข้าวแล้วได้ไม้กวาดมากินอันนี้ก็ไม่ไหวนะ โครงสร้างคือ Subject + verb อาจจะ + กรรมด้วยก็ได้ ตัวอย่างประโยค
I like traveling. ฉันชอบเดินทาง
She loves reading. สาวนั้นรักการอ่าน
Johnsak watches TV. จอห์นศักดิ์ดูทีวี
We study abroad. พวกเราเรียนที่ต่างประเทศ
George and Dang walk along the street. จอร์จกับเจ้าด่างเดินไปตามถนน
They eat custard apples. พวกเขาทานหนอยแน่ (น้อยหน่า)
19 พฤศจิกายน, 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น